ประเภทของหลอดไฟ ชนิดต่างๆ

ประเภทของ หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี การใช้งานของหลอดไฟชนิดต่างๆจุดเด่นของหลอดไฟในปัจจุบันประเทศเรามีการใช้หลอดไฟมากมายหลายประเภทไปตามยุคตามสมัยบางชนิดนิยมใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน บางชนิดเช่นหลอด LED ก็เพิ่งมานิยมใช้งานเมื่อไม่กี่ปี และเนื่องจากมีการพัฒนานวัตกรรมมากมายเกี่ยวกับด้านการประหยัดพลังงานจนกลายมาเป็นหลอด LED ล่าสุดที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน วันนี้ INFINITE LED จะพาไปรู้จักหลอดไฟประเภทต่างๆหลอดไส้ (Incandescent Lamp)เป็นหลอดไฟที่มีการใช้งานมานานมาก มีอีกชื่อที่เรียกคือ

“หลอดดวงเทียน” เพราะมีแสงแดงๆคล้ายแสงเทียน หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกับหลอดชนิดนี้กันเป็นอย่างดี มีทั้งชนิดแบบแก้ว และฝ้า ไส้หลอดทำมาจากทังสเตนให้ความร้อนสูง หลักการทำงานคือกระแสไฟฟ้าจะผ่านไส้หลอดเปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อน เมื่อไส้หลอดร้อนจะเปล่งแสงออกมา หลอดไส้นั้นมีข้อเสียคือเมื่อมีความร้อนสะสมมากๆอายุการใช้งานจะยิ่งสั้นลง โดยกินไฟมากเนื่องจากสูญเสียไปกับความร้อนที่เกิดขึ้นหลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent tube)Fluorescent หรือหลอดเรืองแสง ให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ถึง 5 เท่า อายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ประมาณ 7-8 เท่าตัว โดยตัวหลอดมีไส้โลหะทังสเตนติดอยู่ที่ปลายทั้ง 2 ข้าง ของหลอด

ผิวภายในฉาบด้วยสารเรืองแสง โดยมีการใส่ไอปรอทไว้เล็กน้อย หลักการทำงานคือเมื่อกระแสไฟฟ้าใหลผ่านปรอทจะคายพลังงานในรูปแบบรังสีอัลตราไวโอเลตเมื่อกระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้หลอดก็จะเปล่งแสงออกมา อายุการใช้งานมีตั้งแต่ 6000 ถึง 20000 ชั่วโมงหลอดฮาโลเจน (Halogen)พัฒนามาจากหลอดไส้ที่ใช้ก๊าซฮาโลเจนบรรจุภายในทำให้ทนทานกว่าหลอดไส้ปกติให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100 % มักใช้กับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่นพื้นที่งานแสดงสินค้า มุมอับของบ้านห้องทำงาน อายุการใช้งาน 1500-3000 ชั่วโมงหลอดเมทัลฮาไลด์

(Metal halide)เป็นหลอดที่จัดอยู่ในกลุ่มให้ความเข้มแสงสูง หลักการทำงานคือ Arc ไฟฟ้าวิ่งผ่านก๊าซในโคมไฟ หลอด arc ที่มีขนาดเล็กจะผสมกับแรงดันสูงของอาร์กอน ปรอทและความหลากหลายของโลหะผสมกัน ทำให้เกิดสีสันต่างๆความร้อนที่เกิดขึ้นจากการแตกตัวของปรอทและไอโลหะที่ผลิตไฟนี้จะทำให้ อุณหภูมิและความดันเพิ่มขึ้น หลอดเมทัลฮาไลด์จึงทำงานภายใต้ความดันและอุณหภูมิสูง ส่วนใหญ่จะใช้ส่องสว่างในสนามกีฬา ใช้เป็นไฟสาดอาคารเพื่อเน้นความสวยงาม โดยมีอายุการใช้งานถึง 24000 ชั่วโมง

สิ่งของจำเป็นสำหรับพระสงฆ์ในวันเข้าพรรษา

สิ่งของจำเป็นสำหรับพระสงฆ์ในวันเข้าพรรษา ในวันเข้าพรรษาพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่จะบำเพ็ญกุศล ด้วยการเข้าวัดทำบุญตักบาตร เทียนเข้าพรรษา จัดชุดสังฆทาน ปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา ถวายหลอดไฟ เป็นต้น

วันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธที่สำคัญของไทย โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 เดือนในช่วงฤดูฝน ซึ่งวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทย ได้สืบทอดประเพณีการปฏิบัติและการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านาน ซึ่งวันเข้าพรรษามีความสำคัญดังนี้

ช่วงวันเข้าพรรษา เป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านจะประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ดังนั้นการกำหนดให้ภิกษุสงฆ์หยุดการเดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ จะช่วยให้ต้นกล้าของพันธุ์พืช ตลอดจนสัตว์เล็กสัตว์น้อยไม่ได้รับความเสียหายจากการเดินธุดงค์ หลังจากเดินทางจาริกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8 – 9 เดือน ช่วงเข้าพรรษาจะเป็นช่วงที่ให้พระสงฆ์ได้หยุดพักผ่อน

วันเข้าพรรษา เป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุสงฆ์จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมสำหรับตนเอง อีกทั้งยังได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ตลอดจนเตรียมการสั่งสอนให้กับประชาชนเมื่อถึงวันออกพรรษาเพื่อจะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนและบวชให้กับกุลบุตรผู้มีอายุครบบวช อันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป

เพื่อเป็นการให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ อาทิ ทำบุญตักบาตร หล่อเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน ถวายสังฆทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดช่วงเวลาเข้าพรรษาอีกด้วย ดังนั้นเราขอนำเสนอการจัดเตรียมข้าวสารอาหารแห้งหรือชุดสังฆทาน ตลอดช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน พระสงฆ์อาจไม่สามารถออกไปบิณฑบาตได้ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน จึงอาจทำให้การเดินทางเป็นไปได้ลำบากมากขึ้น จึงควรถวายข้าวสาร อาหารแห้ง หรืออาหารสำเร็จรูป เช่น ผักดองกระป๋อง ปลากระป๋อง มาม่า น้ำเปล่า ที่สามารถเก็บไว้ได้นาน และสามารถฉันได้ง่าย

ก่อนออกแบบโลโก้ คุณต้องอ่านบทความนี้

การออกแบบ มีหลากหลายแบบ เช่น ออกแบบสติ๊กเกอร์ ออกแบบโลโก้ ออกแบบตรายางบริษัท ซึ่งการออกแบบ คือ วิธีการสร้างสรรค์งานศิลปะได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน ภาพวาด กราฟฟิค เว็บไซต์ หรือโลโก้ เมื่อพูดถึงโลโก้เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอรู้จักกันอยู่บ้าง เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยบ่งบอกความหมายต่างๆได้ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีหลักการในการออกแบบโลโก้ที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้ได้โลโก้ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

ฉะนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำ หลักการออกแบบโลโก้ที่ดี ต้องเป็นอย่างไรต้องมีเอกลักษณ์ ขึ้นชื่อว่าโลโก้มันก็คือตัวแทนของสินค้าหรือสิ่งๆหนึ่งที่จำเป็นจะต้องมีความเป็นชิ้นเดียว สิ่งเดียว หรือคนเดียว ฉะนั้นการออกแบบโลโก้ที่ดีจะต้องสามารถมองแล้วรู้ได้อย่างทันทีว่านี่คือโลโก้อะไรรวมทั้งมีหน้าที่อะไร ไม่ว่านักออกแบบจะทำการคิด รวบรวมข้อมูล และสร้างสรรค์ออกมาให้สวยงามเพียงใดเรียบง่าย = ดีที่สุด หลายคนอาจจะคิดว่าการออกแบบโลโก้ที่ดีนั้นจะต้องมีความสวยงามที่สุด ใส่ทั้งตัวหนังสือ และกราฟฟิคต่างๆให้เลิศหรูที่สุด

แต่ในความเป็นจริงแล้วหลักการออกแบบโลโก้ที่ใช้ได้ดีและได้ผลตลอดมานั่นก็คือ การออกแบบให้เรียบง่ายที่สุดโดยความเรียบง่ายที่ว่านั้นจะต้องมีความชัดเจนและสวยงามอย่างพอดี จึงจะทำให้ผู้พบเห็นสามารถทำเข้าใจได้ว่านี่คือรูปอะไร มีส่วนประกอบของอะไร หรืออ่านว่าอะไรแม้ว่าจะเห็นแค่เพียงไม่นานก็สามารถจดจำได้โลโก้จะต้องมีความหมาย หลักการออกแบบโลโก้ที่ดีนั้นโลโก้จะต้องสามารถสื่อความหมายได้ หากคุณอยากจะใช้รูปภาพหรือสัญลักษณ์หนึ่ง จำเป็นที่จะต้องสื่อให้เห็นว่าโลโก้นั้นมีความหมายอย่างไร

เช่น หากต้องการออกแบบโลโก้ร้านอาหาร Good Times Burgers คุณควรจะเลือกใช้สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับความดีเยี่ยมและนาฬิกา แน่ๆเมื่อผู้คนพบเห็นจะทำให้สามารถเข้าใจได้ในทันทีใช้สีสันให้พอดี สีสันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้โลโก้มีความสวยงามและโดดเด่นขึ้นมาได้ แต่การเลือกใช้สีสันบนโลโก้ที่ดีที่สุด คือการเลือกใช้ให้พอดี เช่น ใช้เพียงแค่ 1 – 3 สี เพื่อไม่ทำให้เกิดความสับสนกับลูกเล่นของสีสันที่มากจนเกินไปหลักการออกแบบโลโก้ที่ดีทั้งหมดเหล่านี้ ถือว่าเป็นแนวทางที่นักออกแบบควรให้ความสำคัญ เพื่อช่วยให้สามารถออกแบบโลโก้ได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ป้องกันการเกิดโลโก้ซ้ำๆและทำให้สามารถนำเอาโลโก้นั้นไปใช้งานได้จริง